สยจ. ปราจีนบุรี ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ กรณี อุบัติเหตุรถกระบะชนประสานงากัน เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2566 เกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะชนกันเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตเหตุเกิดบนถนนสายวังท่าช้าง-หนองสังข์ หมู่ 19 ตำบลวังท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ไทเกอร์ สีเขียว สภาพพังเสียหายหลังจากชนประสานงา กับรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ สีน้ำเงิน สภาพพลิกคว่ำพังเสียหายส่งผลทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 6 ราย พบว่า
มีอาการสาหัส 2 ราย และติดภายในรถ 1 ราย ต่อมามีผู้เสียชีวิตเป็นหญิงอายุ 40 ปี เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง เพื่อหาสาเหตุก่อนดำเนินการต่อไป
สำนักงานยุติธรรมจังหวัดปราจีนบุรีดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 เจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดปราจีนบุรีได้ประสานไปยังพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรวังตะเคียน เพื่อสอบถามข้อมูลทางคดี และดำเนินการแจ้งสิทธิและรับคำขอรับความช่วยเหลือของผู้เสียหายตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและให้คำปรึกษาทางกฎหมาย ให้แก่ญาติผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
จากการวิเคราะห์เบื้องต้น หากผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จะมีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาในฐานะเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาตามมาตรา 3 ประกอบมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติค่าตอบแทนฯ ดังนี้
กรณีเสียชีวิต
1. ค่าตอบแทนกรณีถึงแก่ความตายจำนวน 30,000 บาท
2. ค่าจัดการศพจำนวน 20,000 บาท
3. ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดูจำนวน 40,000 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 90,000 บาท
กรณีบาดเจ็บ
1. ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการรักษาพยาบาล เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 40,000 บาท
2. ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจ ให้จ่ายเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท
3. ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ฯ ในระหว่างที่ไม่สามารถประกอบการงานได้ตามปกติ จ่ายในอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในท้องที่จังหวัดที่ประกอบการงาน (จังหวัดปราจีนบุรีเป็นจำนวนเงิน 340 บาท/วัน) เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
4. ค่าตอบแทนความเสียหายอื่น ให้จ่ายเป็นเงินตามจำนวนที่คณะกรรมการเห็นสมควร แต่ไม่เกิน 50,000 บาท
ทั้งนี้ การพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา เป็นดุลพินิจของคณะอนุกรรมการฯ ประจำจังหวัดพิจารณาเป็นสำคัญ