สยจ. ชัยภูมิ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือ กรณี ลูกเลี้ยงใช้ของแข็งทุบศีรษะแม่เลี้ยงเสียชีวิต ก่อนนำร่างทิ้งลงในสระน้ำ
เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 06.00 น. เกิดเหตุชายอายุ 39 ปี ซึ่งมีอาการทางจิต ก่อเหตุใช้ของแข็งทุบบริเวณศีรษะของหญิงอายุ 62 ปี ซึ่งเป็นแม่เลี้ยง ก่อนนำร่างทิ้งลงบริเวณสระน้ำห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 20 เมตร เหตุเกิดบริเวณริมสระน้ำทุ่งนา ในพื้นที่หมู่ที่ 8 ตำบลหนองไผ่ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้เสียชีวิตมีบุตร 2 คน หลังจากเลิกรากับสามีเก่า ได้มาอยู่กับสามีคนปัจจุบันได้ 10 ปี ซึ่งผู้ก่อเหตุเป็นลูกติดของสามีมีประวัติการรักษาอาการจิตเวช และทั้ง 3 คน อาศัยอยู่บ้านด้วยกัน ส่วนสาเหตุของการทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิตยังไม่แน่ชัด
สำนักงานยุติธรรมจังหวัดชัยภูมิดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 เจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดชัยภูมิได้ประสานพันตำรวจเอกอำพล โนนุช ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรแก้งคร้อ เพื่อสอบถามพฤติการณ์ทางคดี ได้รับแจ้งว่า ขณะนี้ผู้ก่อเหตุถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรแก้งคร้อและอยู่ระหว่างการตรวจสุขภาพจิต เนื่องจากผู้ก่อเหตุเคยมีประวัติการรักษาจิตเวช สำหรับสาเหตุการทำร้ายยังไม่แน่ชัดจะต้องสอบสวนพยานแวดล้อมอีกครั้ง และได้ประสานครอบครัวของผู้เสียชีวิต ได้รับแจ้งว่าปัจจุบันร่างของผู้เสียชีวิตอยู่ระหว่างส่งตรวจที่โรงพยาบาล โดยหากการตรวจชันสูตรเสร็จสิ้นแล้วจะนำไปดำเนินการตามพิธีทางศาสนาต่อไป เจ้าหน้าที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดจึงได้แจ้งสิทธิตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559) โดยครอบครัวของผู้เสียชีวิตแจ้งว่าจะดำเนินการเข้ายื่นคำขอรับค่าตอบแทนฯ ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดชัยภูมิในภายหลังเนื่องจากต้องจัดการงานศพให้เรียบร้อยก่อน
จากการวิเคราะห์เบื้องต้น หากผู้เสียชีวิตไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด มีสิทธิที่จะได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาในฐานะเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา ตามมาตรา 3 ประกอบมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติค่าตอบแทนฯ
กรณีความผิดต่อชีวิต ดังนี้
(1) ค่าตอบแทนกรณีถึงแก่ความตาย จำนวน 50,000 บาท
(2) ค่าจัดการศพ จำนวน 20,000 บาท
(3) ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู จำนวน 40,000 บาท
รวมเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 110,000 บาท
ทั้งนี้ การพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา เป็นดุลพินิจของคณะอนุกรรมการฯ ประจำจังหวัดพิจารณาเป็นสำคัญ